ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ

ทำบูชา

๗ ก.ค. ๒๕๖๗

ทำบูชา

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ถามตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๗

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

ถาม เรื่อง เจริญสติในชีวิตประจำวัน

กราบนมัสการหลวงพ่อสำหรับคำตอบและคำชี้แนะ เท้าความคือหนูฝึกสมาธิตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น ต่อมาเรียนจบมหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยมีเวลานั่ง หนูจึงมาศึกษาสติปัฏฐาน ๔ เพราะเห็นว่าสามารถฝึกได้ตลอดเวลา และหนูทำความรู้สึกตัวอยู่ในชีวิตประจำวัน ให้รู้คิด รู้การปรุงแต่ง เมื่อเรารู้ทันแล้วการปรุงแต่งมันก็จะหยุด เวลาเดินเมื่อนึกได้ หนูดูลมหายใจที่ปลายจมูกแบบเป็นธรรมชาติ ไม่กดข่ม เดินไปสักพักแป๊บหนึ่งรู้สึกว่าตัวเบาสบายมาก เหมือนยิ่งเดินยิ่งเบา จิตสงบเบาสบายมากค่ะ

จากความเดิมตอนที่แล้ว สักแต่ว่าได้ยิน หนูไม่ได้นั่งสมาธิค่ะ หนูอยู่ในชีวิตประจำวันสนทนากับผู้คน หลังจากที่หนูได้ยินเสียงที่ไม่พอใจจากคู่สนทนา จิตหนูก็วืดเข้ามาอยู่ข้างในพร้อมมีวงกั้นเสียงอยู่รอบนอก อันนี้คือผลที่เกิดจากการฝึกค่ะ หนูจะทำความรู้สึกตัวไว้ ไม่คิดปรุงแต่งและรักษาจิตให้ตั้งมั่นต่อไปค่ะ กราบขอบพระคุณ

ตอบ นี่คำถามเนาะ คำถามครั้งที่แล้วเขาพูดถึงว่า เวลาเขาฝึกหัดภาวนาแล้วมีเสียงกระทบแล้วมันมีความรู้สึกเหมือนมีวงแหวนป้องกันไม่ให้เสียงนั้นเข้ามากระทบถึงตน แล้วเขาก็ถามปัญหามา

เราก็บอกว่า ผลของการฝึกหัดประพฤติปฏิบัติแล้ว ถ้าจิตมันมีกำลังของมัน จิตมันเคยฝึกหัดมาแล้วมันจะมีอาการของมัน ถ้ามีอาการของมัน นี้คืออาการของมัน เห็นไหม คำว่า อาการ

อันนี้ก็เหมือนกัน เวลาเรามีความรู้สึกนึกคิดในหัวใจของตน เรามีความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ในหัวใจของตน นั้นก็เป็นอาการของจิตเหมือนกัน แต่เป็นอาการทางโลก อาการทางโลกคือสามัญสำนึก คือความเคยชิน คือความรู้สึก คือธรรมชาติของมัน

แต่เราฝึกหัดๆๆ ถ้าฝึกหัดแล้วเวลามันแยกจิตไง เวลาฝึกหัดๆ เวลาฝึกหัดที่ไหน เราฝึกหัดที่หัวใจของตน ถ้าฝึกหัดที่หัวใจของตน ใจที่มันฝึกหัดแล้วมันจะมีอาการ

แต่อาการที่มันเป็นธรรมชาติ อาการที่เป็นโลก นั่นเป็นอาการสามัญสำนึกของคน

แต่อาการที่ฝึกหัดๆ เราได้ฝึกหัดของเราขึ้นมาจนมันมีอาการ อาการที่มันฝึกหัด มันมีสติ มันมีสิ่งที่เรารู้ชีวิตประจำวัน เราเดินของเรา นั่นคือปัญญาอบรมสมาธิ เพราะเรารู้ตัวทั่วพร้อม เราฝึกหัดของเรา ถ้ามันเป็นประโยชน์ มันเป็นประโยชน์ของเรา นี่พูดถึงว่าผลของการปฏิบัติๆ

เพราะว่าหลวงตา เวลาคนไปทำบุญกุศลกับท่าน ท่านบอก เวลามา รถมาทั้งคันเลย เวลามา มารถเปล่าๆ เวลากลับไปให้มีพุทโธไปด้วยให้เต็มรถไปเลย

นี่ก็เหมือนกัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ปรารถนาให้สาวกสาวกะผู้ที่ได้ยินได้ฟังให้ฝึกหัดประพฤติปฏิบัติ สั่งพระอานนท์ไว้เลยนะ อานนท์ เธอบอกเขานะ ให้ปฏิบัติบูชาเราเถิด ปฏิบัติบูชาเราเถิด

การประพฤติปฏิบัติมันเป็นการฝึกหัด นี่พระพุทธศาสนาไง เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เวลาเกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ศรัทธาความเชื่อในพระพุทธศาสนา เขาก็มีประเพณีวัฒนธรรม นั่นวัฒนธรรมของชาวพุทธมันก็เป็นเรื่องของวัฒนธรรมของประเพณี ในตำบลในหมู่บ้านสิ่งใดเขามีวัฒนธรรมของเขา เขามีการทำบุญประจำหมู่บ้านของเขา นั่นน่ะมันเป็นวัฒนธรรมประเพณี

เวลาเป็นประเพณี ปีใหม่ สงกรานต์ โอ้โฮลูกหลานมา ทำงานที่ไหนจะกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่ มันเป็นนักขัตฤกษ์ในบุญประจำหมู่บ้านน่ะ มันเป็นความสุข มันเป็นความรื่นเริง

นี่พูดถึงชาวพุทธๆ ไง นี่พูดถึงว่าเวลามันเป็นเรื่องสังคม เป็นเรื่องของทางโลก มันเป็นประเพณีเป็นวัฒนธรรม ถ้าเป็นประเพณีเป็นวัฒนธรรม มันก็เป็นชาวพุทธที่ว่าเราเป็นญาติกับพระพุทธศาสนา เราเป็นเครือญาติ เราเป็นบริษัท ๔ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากพระพุทธศาสนาไว้

แล้วถ้าคนที่พุทธที่ทะเบียนบ้าน พุทธที่เขาเป็นพุทธของเขา แล้วเวลาเขาศึกษาของเขาไปแล้วมันเป็นเรื่องทางวิชาการ เป็นเรื่องทางโลก มันเป็นความเจริญ สติปัญญา โลกเจริญ โลกต้องการศึกษา โลกเป็นปัญญา

ใช่ นั่นเป็นปัญญาทางโลก ปัญญาทางวัตถุ ปัญญาการดำรงชีวิตเป็นวิชาชีพเพื่อหาเลี้ยงชีพของเรา แต่เลี้ยงชีพของเรามันก็มีความทุกข์ความยากในหัวใจใช่ไหม

แต่ถ้ามันเจริญทั้งทางวิชาการทางโลก เราศึกษาๆ แล้วมันเป็นภาคปริยัติ ภาคปริยัติ การศึกษามา โลกียปัญญา ถ้าฝึกหัดๆ ฝึกหัดจากโลกียปัญญา ฝึกหัดจากโลกเรานี่แหละ แต่ถ้ามันเป็นโลกุตตรธรรม ธรรมเหนือโลก เหนือโลก เหนือสิ่งที่ว่ามันเป็นชีวิตประจำวัน มันมีความรู้สึกนึกคิด มันมีความทุกข์ความยาก ฉะนั้น เวลาฝึกหัดประพฤติปฏิบัติมันเป็นโลกกับธรรม

ถ้าโลกกับธรรมๆ เวลาครูบาอาจารย์ท่านเผยแผ่ธรรม เห็นไหม ให้ชาวพุทธเรามีการฝึกหัดประพฤติปฏิบัติ นี่วัดกรรมฐานๆ ไปอยู่วัดอยู่วาไปฝึกหัดจิตของตน ไปฝึกหัดภาวนาให้เป็น ถ้าภาวนาเป็นได้ คนคนนั้นจะมีคุณค่าในชีวิตไง

เวลาครูบาอาจารย์เรา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเราเวลาฝึกหัดพระๆ สร้างพระ สร้างพระเป็นๆ สร้างหัวใจของสัตว์โลก ถ้ามีคุณธรรมขึ้นมาในใจ นั่นน่ะสร้างพระได้ สร้างพระได้องค์หนึ่ง โอ้โฮมันเป็นความมหัศจรรย์ มันร่มโพธิ์ร่มไทร

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียวนะ สอนสามโลกธาตุ ครูบาอาจารย์ของเรานะ ถ้าเป็นธรรม เป็นธรรมจริงๆ นะ มันเป็นธรรมมันอบอุ่น เวลาครูบาอาจารย์ของเราไปอยู่กับหลวงปู่มั่น มันอบอุ่น มันเคารพ มันรัก มันบูชา

กลัวไหม กลัว กลัวเพราะอะไร กลัวเพราะกิเลสของเราไง ความคิดร้อยแปด ความคิดพญามาร ความคิดที่มันทิ่มมันตำในใจของตน แล้วความคิดพอมันคิดแล้ว ทิฏฐิมานะมันเหยียบมันย่ำ มันตีตัวเสมอ มันวัดรอยเท้า มันจะยอดเยี่ยมไปนู่นน่ะ กิเลสนี้มันร้ายนัก กิเลสในใจของตัว นี่มันเป็นเรื่องของโลกๆ เรื่องทิฏฐิมานะของคน

ฉะนั้น เวลาไปอยู่กับครูบาอาจารย์ กลัวนัก จริงๆ ไม่ใช่กลัวอาจารย์หรอก กลัวกิเลสเรานี่แหละ มันลบหลู่ มันตีตัวเสมอ มันคิดว่ามันยอดเยี่ยม มันเป็นบาปเป็นกรรมนะ ทั้งๆ ที่ก็รู้นี่แหละ แต่ห้ามไม่ได้ ไม่เท่าทันมัน

ฉะนั้น พูดถึงว่าเวลาการประพฤติปฏิบัติ เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านปรารถนานะ ให้เราฝึกหัดของเรา จะฝึกหัดได้มากได้น้อยขนาดไหน คนที่ฝึกหัดนั้นจะได้ประโยชน์มาก มากๆ เห็นไหม

เวลาทำบุญกุศลมันเป็นบุญและบาป เวลาฝึกหัดปฏิบัติมันเป็นเรื่องของเรา ถ้าเรื่องของเราถ้ามันเท่าทันกิเลสในใจของเรา มันสงบตัวลงได้ นั่นไง แค่มันสงบตัวลงนะ สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี

ฉะนั้น เวลาฝึกหัดประพฤติปฏิบัติ ชาวพุทธควรทำมากๆ

แต่เวลาชาวพุทธเรามันเป็นเรื่องของโลกไง ทำดีดีกว่าขอพร” ศึกษาหาความรู้มา หามาด้วยทิฏฐิมานะ ด้วยความยิ่งใหญ่ของตน แล้วมีความรู้แล้วเอาความรู้ฟาดฟันกันไง

แต่เวลาครูบาอาจารย์ที่เป็นธรรมๆ นะ ธมฺมสากจฺฉา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํการสนทนาธรรมมันเป็นการวัดหัวใจของตน ใครโง่ใครฉลาดเวลาพูดมามันจะรู้หมดล่ะ แล้วโง่ฉลาดทางใดล่ะ

ถ้าโง่ฉลาดกับกิเลสในใจของตน โดนกิเลสเหยียบย่ำทำลายทั้งนั้นน่ะ ถ้ามันฉลาด ฉลาดขึ้นๆ มันจะเห็นความโง่ของตนเลย ตนนี่โง่เง่าเต่าตุ่นทั้งนั้นน่ะ ไอ้ของที่คิดๆๆ อยู่นั่นน่ะผิดทั้งนั้น ไอ้ของที่คิดๆๆ กิเลสมันพาคิดทั้งนั้น หยุดไม่ได้ ถ้าหยุดได้ สัมมาสมาธิไง

ฉะนั้น เวลาฝึกหัดมันสมควรมากๆ แล้วครูบาอาจารย์จะส่งเสริมมาก ให้ฝึกหัด ที่ไหนก็แล้วแต่นะ ถ้าเขามีการประพฤติปฏิบัติ ควรจะฝึกหัด แล้วฝึกหัดแล้วมันก็ตรงกับจริตตรงกับนิสัยของตน

เวลาเราไปฝึกหัดอย่างนั้นแล้วมันขัดมันแย้ง มันไม่เห็นดีเห็นงามไปด้วย แต่เวลาไปที่มันถูกใจนะ โอ้โฮใช้ได้เลย ภาษาเราว่า กิเลสมันชอบ มันก็ทำให้เราชอบไปด้วย ถ้ากิเลสมันขัดมันแย้ง มันก็ต่อต้านไปด้วย

ฉะนั้น เวลาจะฝึกหัดปฏิบัติ จะแนวทางไหนก็ได้ จะทำอย่างไรก็ได้ ขอให้ได้ทำ เพราะทำแล้วมันได้คิด

ไอ้ที่เราคิดๆ อยู่นี่เราคิดโดยความพอใจของตน เราคิดโดยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เราคิดโดยกิเลสมันควบคุมแล้วบังคับบัญชามาตลอด แต่ถ้าวันไหนเราฝึกหัดประพฤติปฏิบัติของเรา เห็นไหม

นี่เขาบอกว่าเขารู้ตัวทั่วพร้อม ใช้ชีวิตประจำวันมันทำของมันได้

นี่คือปัญญาอบรมสมาธิ ปัญญามันใคร่ครวญ มันใคร่ครวญของมันตลอดมา ถ้ามันใคร่ครวญตลอดมา ถ้ามันเท่าทันมันก็หยุดของมัน แล้วถ้ามันฝึกหัดบ่อยๆ เห็นไหม นักกีฬาทุกประเภทเขาต้องฝึกหัด เขาต้องออกกำลังกายของเขาเพื่อความฟิตของเขา

จิตใจของตนไม่เคยดูแลมันเลย ปล่อยมันตามสบาย แล้วให้กิเลสมันบงการและควบคุมแล้วแต่มันจะบังคับบัญชา แล้วเราก็ยังหลงใหลได้ว่าเรามีความรู้ เรามีความเข้าใจ

ถ้ามันเข้าใจ มันได้คิดนี่ไง แล้วมันเห็นอย่างที่ว่านี่ ถ้าฝึกหัดๆ ไปนะ รูป รส กลิ่น เสียงเป็นบ่วงของมาร เป็นพวงดอกไม้แห่งมาร คนที่ฝึกหัดปฏิบัติบ่อยๆ เข้าเป็นกัลยาณชน รูป รส กลิ่น เสียง ถ้ามันเป็นบ่วงมันก็โกรธ ถ้ามันเป็นพวงดอกไม้มันก็ชอบ ใครยกยอปอปั้น พอใจไปกับเขา ใครตำหนิติเตียน เคียดแค้นเขาไปทั้งนั้น นี่เป็นทั้งพวงดอกไม้และเป็นทั้งบ่วง

แต่ถ้าฝึกหัดๆ ผู้ที่ฝึกหัดปฏิบัติเริ่มต้นอย่างนี้แหละ เขาบอกว่า เวลาไปสนทนากับคู่กรณี เวลาเขาพูดสิ่งที่ไม่พอใจ มันเหมือนมีเป็นวงแหวนป้องกันไว้

บ่วงของมาร พวงดอกไม้แห่งมาร นี่แค่เริ่มฝึกหัด การปฏิบัติจะแนวทางใดก็แล้วแต่ เริ่มต้นฝึกหัดคือเริ่มต้นทำความรู้สึกตัวของตน เริ่มต้นรู้จักจิตของตน เริ่มต้นคือพื้นฐานของชีวิต กายกับใจ ร่างกาย จิตใจอยู่ในร่างกายนี้ จิตใจเป็นพลังงาน ตัวจิตนี้ตัวสำคัญ มีชีวิตอยู่หรือตายไปก็ตัวนี้ตัวเดียว

แต่เวลาเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วมีกายกับใจๆ ทางวิทยาศาสตร์ ทางต่างๆ ก็ตรวจสอบเช็กได้ด้วยเฉพาะเรื่องของร่างกายนี้ เรื่องของจิตใจนะ จิตวิทยาเขาก็แค่เรื่องอารมณ์ เวลาเขาขุดๆ เขาขุดเพราะอะไร เวลาคนเจ็บไข้ได้ป่วย เขาขุด ขุดเข้าไป สิ่งที่ขุดก็ขุดจากสมอง ขุดจากรากฐาน ขุดจากพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ไง

แต่กิเลส กิเลสมันเจือปนมา มันแนบมาตั้งแต่ภพชาติใด บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ มันลึกลับซับซ้อนขนาดไหน นี่มันแค่เรื่องโลกๆ จิตยังไม่สงบเลย ถ้ามันจิตสงบแล้วมันปฏิบัติไป

เราจะบอกว่า ฝึกเจริญสติในชีวิตประจำวัน จะฝึกหัด จะแนวทางใดก็แล้วแต่ ได้ทั้งนั้นน่ะ แล้วเป็นคุณประโยชน์กับผู้ฝึกหัดนั้น แต่เวลาจะเอาจริงเอาจังขึ้นมา เอาเป็นมรรคเป็นผลขึ้นมา ไม่มี

ถ้าเป็นมรรคเป็นผลขึ้นมา จิตสงบแล้ว จิตถ้ามันสงบขึ้นมามันมีวงแหวนของมัน ถ้ามีวงแหวนของมัน ถ้าจิตสงบแล้วถ้ามันไปเห็น เห็นกาย เห็นเวทนา เห็นจิต เห็นธรรมตามความเป็นจริง นี่จิตมันสงบของมัน

นี่อาการที่มันเห็น คนที่ฝึกหัดปฏิบัติไง จะเห็นนิมิต จะมีความรู้ความเห็น เหมือนกัน อาการเหมือนกัน มันต้องผ่านอาการนี้ไปไง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ขันธ์ ขันธ์ไม่ใช่จิต

เวลามันผ่านรูป รูปคืออารมณ์สมบูรณ์แบบ ในอารมณ์นั้นมีเวทนา ในเวทนามันเกิดจากสัญญาข้อมูลเดิมของจิต แล้วมันเกิดสังขารปรุงแต่ง แล้ววิญญาณรับรู้ ทำไมวิญญาณรับรู้ล่ะ วิญญาณรับรู้อารมณ์นั้นไง

เวลาเราเห็นภาพ เรามีอารมณ์ความรู้สึก แต่เราไม่รู้ว่าเราคิดอะไร วิญญาณรับรู้มันไม่ชัดเจน วิญญาณในขันธ์ ๕ วิญญาณในปฏิจจสมุปบาท มันมีความลึกลับซับซ้อนเป็นชั้นๆๆ เข้าไป ถ้าคนปฏิบัติเป็นนะ มันจะปอกมันจะลอกออกมาเป็นชั้นๆ นี่บุคคล ๔ คู่ไง นี่พูดถึงถ้าจะปฏิบัติให้เป็นมรรคเป็นผล

พื้นฐานนี้มันเป็นการฝึกหัดปฏิบัติให้มนุษย์รู้จักตัวตนเท่านั้น ที่ไหนมีการประพฤติปฏิบัติ เชิญ แนวทางปฏิบัติไหนก็ได้ สูงสุดคือทำความสงบของใจ เพราะมันเป็นเรื่องของสัญญาอารมณ์ เป็นอารมณ์ของคน มันไม่ใช่เรื่องเป็นมรรค เป็นมรรคเป็นผลยังไม่เกิด

เริ่มต้นจากปุถุชนคนหนา ปุถุชนคนหนาฝึกหัดประพฤติปฏิบัติเป็นกัลยาณชน ถ้าเป็นศรัทธา ศรัทธาทางโลกไง ศรัทธา ศรัทธามันคลอนแคลน ศรัทธามันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดน่ะ

อจลศรัทธา ศรัทธาที่มั่นคง ศรัทธาที่แก่กล้า ศรัทธาที่ไม่คลอนแคลน นั่นอจลศรัทธา แล้วถ้ามันยกขึ้นสู่ ยกเข้าสู่มรรค มันอีกชั้นหนึ่งไง

ฉะนั้นบอกว่า เจริญสติในชีวิตประจำวัน แล้วอาการแบบนี้มันก็บอกว่ามันใช้ปัญญา ถ้าพุทโธๆ มันเป็นสมถะ มันแก้กิเลสไม่ได้

ที่ฝึกหัดนี้มันเป็นปัญญาอบรมสมาธิ

เพราะที่หนูฝึกหัดปฏิบัติมาตั้งแต่วัยรุ่นรอบหนึ่ง แล้วมาฝึกหัดของเรา มาดูความคิดปรุงแต่ง มาใช้เดินนึกคิด แล้วเวลาพิจารณา สิ่งที่เราเห็นด้วย แล้วมาดูลมหายใจที่ปลายจมูก มาดูลมหายใจมันเป็นอิสระโดยที่การไม่กดข่ม เพราะอะไร

เพราะพูดสิ่งใดไปแล้วมันมีการฝังรากว่า พุทโธๆ เป็นการกดข่มจิตบ้าง มันเป็นสมถะบ้าง มันเป็นข้อมูลที่มันฝังอยู่ในหัวใจ เวลาปฏิบัติไปๆ ผลที่มันเกิดขึ้นมันจะบอกของมันเอง

เวลาบอกว่า มากำหนดลมหายใจแล้วมันตัวเบาสบาย สบายมาก ตัวมันยิ่งเดินมันยิ่งเบา

ถ้ามีสติสัมปชัญญะ สมาธิคือสมาธิ ถ้าไม่มีสติ เพราะตัวมันเบามันสบาย ยิ่งปฏิบัติมันยิ่งสบาย สบายเพราะอะไร เพราะมันมีสติ แต่ถ้ามันขาดสติ ไปแล้ว ตกภวังค์

แล้วขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ

สมาธิที่ไม่มีกำลัง สมาธิที่ไม่มั่นคงขึ้นมา มันจะไปรู้ไปเห็นอะไรไม่ได้หรอก แต่มันเป็นการประพฤติปฏิบัติให้เห็นว่า เรารู้จักตัวตนของเรา เรารู้จักจิตของเรา

เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ศาสนาสอนให้การฝึกหัดประพฤติปฏิบัติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งพระอานนท์ไว้เลย บอกเขานะ บริษัท ๔ ให้ปฏิบัติบูชาเราเถิด ปฏิบัติบูชาเราเถิด

เพราะการปฏิบัติ พอเริ่มปฏิบัติมันเบามันสบาย มันไม่ต้องไปเครียด ไม่ต้องไปวิตกกังวลกับชีวิต มันเห็นแล้วชีวิตนี้มันแค่สมมุติ จริงๆ แล้วหัวใจเราสำคัญกว่า

ฉะนั้น เขาบอกว่า ความเดิมตอนที่แล้วเวลาฝึกหัดไง ผลที่ว่ามันเกิด มันเกิดเป็นวง เป็นวงที่กั้นเสียงอยู่นั่นน่ะ

อาการมันเกิดได้ร้อยแปด อาการนี้มันนิสัยใจคอของคน ความรู้สึกของคนมากมายมหาศาล อาการ แต่อันที่เกิดอาการกับเรามันเป็นอาการที่ให้เราเห็นว่าจิตนี้เป็นรูปธรรมเลย เวลามันกระทบมันมีวงแหวนมาป้องกันไว้ได้เลย นี่มันเป็นอาการที่เป็นนามธรรมนะ แต่ผู้ที่มีสติปัญญาที่รู้เห็นนี่เห็นชัดๆ เลย เห็นชัดๆ ถึงเหตุและผล

แล้วฝึกหัดไปๆ เวลามันยกขึ้นสู่วิปัสสนาไง เวลาเกิดภาวนามยปัญญามันจะลึกลับซับซ้อนกว่านี้อีกมากมาย แล้วมันจะล้มลุกคลุกคลานไปอีกมากมาย เพราะอะไร

เพราะถ้าจิตมันสงบแล้วมันไปจับต้องได้ มันเป็นครั้งเป็นคราว แล้วพิจารณาไปแล้วมันปล่อยๆ ไอ้นั่นชั่วคราวๆ ทั้งนั้นน่ะ ยังมีชั่วคราว ยังมีความหลอกลวง ยังมีทำให้ล้มลุกคลุกคลาน แล้วถ้าไม่มีอำนาจวาสนา มันก็สมอ้างไปทุกเรื่องทุกราว กิเลสหลอกไปทั้งนั้นน่ะ

เริ่มต้นจากกิเลสหลอกให้เราล้มลุกคลุกคลาน ให้เรามีความทุกข์ความยาก เรามีอำนาจวาสนาของเรา เราฝึกหัดปฏิบัติ เพราะเราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา แล้วเวลาจิตมันมีกำลังของมันบ้าง มันมีอาการที่ตอบโต้กับสิ่งที่จะไปกระเทือนกิเลส เราเห็นแล้วเราก็อึ้งๆๆ อึ้งเลย

ไอ้นี่มันแค่พื้นฐาน ยังทำความสงบของใจไม่มั่นคง มั่นคงขึ้นมา ชำนาญในวสี เขาชำนาญในวสีเพราะอะไร เพราะถ้าจิตมันเสื่อมมันจะไม่มีวงแหวนอะไรอย่างนี้หรอก มันจะมีความเจ็บช้ำน้ำใจทั้งนั้นน่ะ

แต่จิตเราถ้ามีกำลังขึ้นมามันมีวงแหวน แล้ววงแหวนมาจากไหนล่ะ

เป็นนามธรรมทั้งนั้นน่ะ เกิดจากกำลังของจิต

แล้วถ้าฝึกหัดจนมันเป็นสมาธิได้เป็นสมาธิไม่ได้ กำลังมีไม่มี เดี๋ยวพิจารณาไปถ้าไม่มีกำลัง ไอ้วงแหวนนี้จะไม่มี

ไอ้ที่มันมากั้นๆ กั้นนี้เกิดจากสติสัมปชัญญะ เกิดจากอาการของจิต ไอ้นี่แค่รูป รส กลิ่น เสียงเป็นบ่วงของมาร เป็นพวงดอกไม้แห่งมาร สมถกรรมฐานยังไม่มั่นคงของเขา นี่พูดถึงผลของการปฏิบัติไง

ฉะนั้น เราจะบอกว่า ครูบาอาจารย์เรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ปรารถนาให้บุคคล ให้สิ่งมีชีวิตได้ฝึกหัดปฏิบัติ ให้พัฒนาตนทุกๆ คน การพัฒนาตนขึ้นมา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

หลวงตาพระมหาบัวท่านสิ้นกิเลสไง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมเป็นหนึ่งเดียวในหัวใจของท่าน เอโก ธมฺโม ธรรมเป็นหนึ่ง ธรรมเป็นเอก

เวลาถ้าฝึกหัดประพฤติปฏิบัติไปเป็นข้อเท็จจริงแล้วมันจะเข้าสู่หัวใจของตน มันจะเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก นั้นถ้าปฏิบัติตามความเป็นจริง

แต่เริ่มฝึกหัดปฏิบัติเริ่มต้น คราวยาก ยากอยู่สองคราว คราวเริ่มต้นกับคราวจะสิ้นกิเลส ฉะนั้น ฝึกหัดปฏิบัติมันสำคัญที่ครูบาอาจารย์ที่ทำให้ได้จริง

ฉะนั้น สิ่งที่ฝึกหัดนี้ดีมากๆ ฉะนั้น ฝึกหัดต่อเนื่องไป สิ่งที่ถามมานี้มันก็เป็นอาการของคน เป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโกเฉพาะบุคคลคนนั้น เป็นเฉพาะบุคคลที่ถาม ที่รู้ ที่เห็น ที่ได้รับรสของธรรม ได้รับรสของจิตที่สงบ

แล้วเป็นวงแหวนที่มาปกป้องมันเป็นมหัศจรรย์ของจิตดวงนั้น แล้วถ้าไปพูดกับคนอื่นเขาบอกว่า โยมต้องไปหาหมอ แสดงว่าโยมขาดสติ โยมเริ่มจะออกนอกลู่นอกทาง” นี่พูดถึงว่าถ้าไปคุยกับคนที่เขาไม่ภาวนา ภาวนาไม่เป็น ออกนอกเรื่องนอกราวไปเลย จบ

ถาม เรื่อง ดิฉันชื่อ...”

ฉันมาจากออสเตรเลีย ฉันอยากมาพักวัดป่าสันติพุทธาราม (เขาแดงใหญ่)และปฏิบัติธรรมทำสมาธิในเดือนกรกฎาคม กรุณาแจ้งให้ฉันทราบหากเป็นไปได้ ขอบพระคุณมาก

ตอบ เราแจ้งไปแล้วว่าไม่สะดวก ให้ไปหาที่ที่พอเหมาะพอสมกับการฝึกหัดปฏิบัติ

แต่ถ้าวัดของเรา เวลาวัดของเราเวลาจะมาฝึกหัดประพฤติปฏิบัติ คนต้องมีศรัทธาปรารถนาการประพฤติปฏิบัติโดยข้อเท็จจริง ถ้าโดยข้อเท็จจริง ถ้าปฏิบัติโดยข้อเท็จจริง สิ่งใดที่มันจะขาดตกบกพร่อง ขาดตกบกพร่องในความเห็นของโลก ในความเห็นของการอยู่แบบขุนนาง เขาจะหาว่ามีความสุขสะดวกสบายทั้งสิ้น

แต่เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านปฏิบัติของท่านมา มันขาดแคลนมาทั้งนั้นน่ะ คำว่า ขาดแคลน” ขาดแคลนเพราะความเคยชิน

ถ้าเราอยู่กับสังคม เราอยู่กับโลก มันมีความสะดวกสบาย มันมีน้ำปะปา มันมีไฟฟ้า มันมีทุกอย่างพร้อมหมดน่ะ แล้วพอไปวัดปฏิบัติ หลวงตาพระมหาบัวท่านบอก ไม่ให้มี ถ้ามีแล้วคนมันจะอ่อนแอ เวลาคนอ่อนแอแล้วปฏิบัติไปมันจะล้มลุกคลุกคลาน

แต่ถ้าคนมันเข้มแข็งขึ้นมา เริ่มต้นปฏิบัติมันก็ขาดแคลนไปทั้งนั้นน่ะ คนเราไม่เคยขาดแคลน พอมันขาดแคลนมันอยู่ไม่ไหวหรอก มันตีโพยตีพาย แล้วโลกก็มีอยู่ทั่วไป น้ำไหล ไฟสว่าง เทศบาล ในอบตเขาหาให้ครบทุกอย่าง ทำไมเราไม่ต้องการสิ่งนั้น นี่เวลากิเลสมันต่อต้าน

ฉะนั้น เราบอกว่า ให้ไปหาวัดที่เขาพอที่จะสะดวกในการประพฤติปฏิบัติ

แต่ถ้าวัดของเรา เรามาเริ่มต้นถ้าใครมาประพฤติปฏิบัติใหม่ๆ เขาบอกว่ามันไม่สะดวก มันไม่สบาย มันไม่พร้อม

แต่ถ้าเวลาฝึกหัดปฏิบัติไปแล้วนะ มันเหลือเฟือ มันเกินไป จิตใจของคนที่ประพฤติปฏิบัติในแนวทางกรรมฐาน ในการฝึกหัด มันเข้มแข็ง มันเห็นสิ่งใดแล้วมันเป็นภาระ

ดื่มน้ำ ดื่มน้ำแล้วชุ่มชื่น ไม่ดื่มน้ำ คอแห้ง ดื่มน้ำ ดื่มน้ำแล้วเดินจงกรม เดินจงกรมถ้าจิตมันจะสงบระงับเข้ามา เดินจงกรมถ้าจิตมันสงบไปแล้วมันมีความสุข มันมีความอบอุ่น มีความชื่นบานในหัวใจมากกว่าดื่มน้ำแก้วนั้นมากมาย

เวลาหิวกระหายก็อยากดื่มน้ำ ดื่มน้ำแล้วมันก็ชุ่มชื่น เวลาเราหิวกระหาย เราไม่ดื่มน้ำ เราฝึกหัดปฏิบัติจนเข้มข้นของเรา พอจิตมันสงบนะ ให้ดื่มอีกห้าครั้งสิบครั้งยังสู้ใจเราสงบไม่ได้เลย

มันเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้นน่ะ ทำไมเขาถึงมักน้อยสันโดษ สิ่งใดก็แล้วแต่ที่เราเสพเข้าไป ร่างกายมันต้องขับถ่ายทั้งนั้นน่ะ ต้องขับออกทั้งนั้น แล้วสิ่งใดที่มันมากเกินไปมันจะเป็นประโยชน์อะไรกับใคร

เวลาถือศีลๆ ถือศีล ๘ ถือพรหมจรรย์ ไม่ฉันอาหารตอนเย็น แล้วเวลาอดนอนผ่อนอาหาร ผ่อนคลายๆ เวลามันฝึกหัดไปตามความเป็นจริงแล้ว ไอ้เรื่องอย่างนี้มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระที่สุดเลย แต่ถ้าเวลาผู้ที่ปฏิบัติแล้วเขาปฏิบัติได้

แต่เวลาคนปฏิบัติมาแล้ว พวกแก่วัด เวลาปฏิบัติมาแล้วจะอ้างนู้นอ้างนี่ จะขอไปกินตอนนั้น จะขอไปกินตอนนี้

เวลากิเลสมันงอแงกับบุคคลคนนั้น บุคคลคนนั้นจะทำให้กฎกติกาของวัดนั้นเสียหายไป บุคคลคนนั้นเป็นผู้ที่เป็นสิทธิพิเศษ นี่เวลามันจะปฏิบัติบูชากิเลสไง คนอื่นเขาอยู่ในกฎกติกา ของฉันนี่เด็กพิเศษ จะต้องมีคนดูแลด้วยนะ ไปส่งเสียถึงที่กุฏิให้เลย

มันเป็นเรื่องไร้สาระ การแหกกฎแหกกติกาแล้วเป็นคนดี ที่ไหนมี

แต่คนที่อยู่ในกฎในกติกานะ แล้วเขาปฏิบัติของเขาได้นะ ถ้าจิตเขาสงบนะ เขาเชิดชูบูชา แล้วกฎกติกานี้มันเรื่องเล็กน้อยมาก จิตสงบมันยิ่งใหญ่กว่า

คนที่เขาเป็นธรรมนะ เขามีสายตานะ ไอ้เรื่องเล็กๆ เหมือนลูกเราเลย พอมีลูกก็จองโรงเรียนเลยนะ เวลาจะไปส่งโรงเรียน โอ้โฮน้ำตาท่วมหน้าโรงเรียนเลยล่ะ

แล้วเอ็งทำไมบังคับให้ไปโรงเรียนล่ะ ทำไมไม่รักลูก กอดไว้ที่บ้านล่ะ ส่งไปโรงเรียนไปทำไม ก็ไปศึกษาให้มันมีความรู้ไง แล้วมันไปโรงเรียนแล้ว ถ้ามันเรียนแล้วมันมีความรู้ มันเติบโตขึ้นมา เวลามันมีครอบครัวมันก็ต้องเอาลูกไปส่งโรงเรียนอย่างนี้ไง

กฎกติกาการประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าเขาถือตามกฎกติกาของเขา แล้วถ้าเขาฝึกหัดปฏิบัติของเขาขึ้นมาได้ เหมือนเราส่งลูกไปโรงเรียน เรียนจบได้มีสติมีปัญญาทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ เลี้ยงครอบครัวได้อีกมหาศาลเลย

เด็กพิเศษ มีอะไรก็ไปส่งเสีย มีคนดูแลอีกต่างหาก

นี่พูดถึงนะ คำพูดของเราเวลาเราพูดถึงว่าไปหาที่สะดวก เราปฏิเสธไปแล้ว ให้คนเขาบอกไปว่าให้เขาไปหาที่อื่น เพราะว่าถ้ามาแล้วมันเป็นภาระ เพราะปีนี้พระเยอะ แล้วดูแลพระก็เป็นปัญหา โยมเข้ามาก็ แหมปีกกล้าขาแข็ง เป็นแม่มดเป็นพ่อมด วุ่นวายไปหมด

ความวุ่นวาย กติกา มันไม่ใช่เรื่องการปฏิบัติ เรื่องปฏิบัติ จิตสงบหรือไม่สงบ ทำคุณงามความดีของเราเพื่อใคร ไม่ใช่เรื่องทิฏฐิมานะเอาชนะคะคานกันเพื่อความยิ่งใหญ่

เหมือนข้าราชการเขาทำงานตามเวลาของเขา เขาทำงานเต็มเวลา นั่นคือข้าราชการที่ดีงาม เขาทำงานไปลงชื่อแล้วก็ไปทำเรื่องอื่น แล้วจะเป็นอย่างไร

ไอ้นี่ก็บอกว่าจะมาปฏิบัติ แต่เวลามาปฏิบัติมันจะเป็นแม่มดน่ะ

เริ่มต้นนะ เกิดมาเจ้ามีอะไรมาด้วยเจ้า เจ้ามา เจ้าจะมายึดถือยึดครองสิ่งใด เริ่มต้นจากปฏิบัติ เจ้ามา เจ้ามีอะไรมาในวัดนี้ มาแล้วเจ้าจะยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นสมบัติของเจ้าทั้งหมด แล้วเจ้าจะควบคุมดูแล จะควบคุมบังคับบัญชา เป็นไปได้อย่างไร ถ้ามันเป็นไปได้ นี่มันก็เป็นการวัดกันว่าวัดเป็นวัดหรือไม่เป็นวัด ถ้าเป็นวัด หัวหน้าวัดจะต้องดีงาม หัวหน้าวัด เห็นไหม

เวลาเราพูดนะ เราพูดเป็นหลายประเด็นมาก เวลาเราพูดว่า เราเป็นลูกพระพุทธเจ้าด้วยกัน ชาวพุทธเรามีพ่อคนเดียวกันคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เวลาผู้ที่ประพฤติปฏิบัติแล้วนะ เห็นต่างเห็นแย้ง

เราบอกว่า พระพุทธเจ้าเอ็งกับพระพุทธเจ้าข้าคนละองค์แล้วล่ะ ถ้าพระพุทธเจ้าข้า ธรรมและวินัยนี่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเอ็งกับพระพุทธเจ้าเราคนละองค์ว่ะ เอ็งไปซะ เอ็งไปหาพระพุทธเจ้าของเอ็งที่อื่นไป

นี่พูดถึงว่าโดยทั่วไป เราไม่ได้พูดถึงผู้ที่เขียนคำถามมานี้ คำถามเขาบอกเขามาจากออสเตรเลีย อยากจะมาปฏิบัติที่วัดในเดือนกรกฎาคมนี้ หากเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ให้บอกด้วย

แต่เราบอกเขาไปแล้ว แต่คราวนี้มันมีมาอย่างนี้เราถึงอยากจะพูด เราพูดนะ

โดยข้อเท็จจริงครูบาอาจารย์อยากให้ทุกคนได้ฝึกหัดได้ประพฤติปฏิบัติ มันจะเป็นคุณงามความดีของคนคนนั้น ของจิตดวงนั้น แต่เวลาไปประพฤติปฏิบัติแล้วถ้ากิเลสมันยิ่งใหญ่มันก็ไปบิดไปเบี้ยว ไปบิดเบือน

ไอ้ที่เรารังเกียจที่สุดเลยคือมิจฉาทิฏฐิ คือปฏิบัติผิดแล้วออกนอกลู่นอกทาง แล้วยังสำคัญตนว่าตัวเองถูกต้อง แล้วไปพูดไปปั่นหัวฝั่งนู้นน่ะ หลวงพ่ออะไรก็พุทโธๆ

เพราะเขาบอกว่า ไม่ต้องพุทโธ จิตมันมีอยู่แล้ว กำหนดเฉยๆ มันจะเป็นสมาธิ สมาธิมีอยู่โดยดั้งเดิม

โฮ้เราเศร้าใจนะ เอ็งจะหลงขนาดไหน เอ็งจะมีความเห็นขนาดไหน ก็ให้เอ็งหลงคนเดียวก็พอ เอ็งไม่ต้องเอาทิฏฐิมานะความเห็นผิดของเอ็งมาแอบอ้าง มาอยู่ใต้ปีกเราไง

มาอยู่ในวัดพระสงบ แล้วบอกว่าพระสงบโง่ อะไรก็พุทโธๆ ไม่เจริญงอกงามเสียที แล้วเขาบอกไม่ต้องพุทโธ ทั้งๆ ที่เขามาอยู่ใต้ปีกพระสงบนะ

พระสงบพูดทุกวัน หลวงตาพระมหาบัวท่านเร่งความเพียรของท่าน ท่านกำลังพัลวันพัลเกในหัวใจของท่าน หลวงปู่มั่นท่านจะนิพพาน ไปกราบนะ หลวงปู่มั่นก็ขึ้นมาแก้ให้ทุกเที่ยว พอหลวงปู่มั่นนิพพานไป ท่านไปนั่งที่ปลายเท้าร้องไห้แล้วร้องไห้อีก

คนที่สอนก็เสียชีวิตไปแล้ว คนที่คอยควบคุมเวลาท่านหลงท่านติดของท่าน ติดสมาธิ ๕ ปีก็หลวงปู่มั่นเป็นคนลากออกมา เวลาใช้สติปัญญาเตลิดเปิดเปิงไป หลวงปู่มั่นก็บอก ไอ้บ้าสังขาร ไอ้บ้าความคิด” ต้องกลับมาสงบ ท่านก็กลับมา

แล้วตอนนี้คนที่สอนท่านนิพพานไปแล้ว มานั่งทบทวนอยู่หลายชั่วโมง สรุปลงว่า หลวงปู่มั่นท่านเคยเตือนทุกที อย่าทิ้งผู้รู้ อย่าทิ้งพุทโธ พุทโธกับผู้รู้ห้ามทิ้งเด็ดขาด จะไม่เสีย

แล้วเราก็ยึดหลักพุทโธ ผู้รู้ ผู้รู้คือพุทธะ พุทโธคือคำบริกรรม อย่าทิ้ง จะสูงส่งต่ำต้อยง่อยเปลี้ยเสียขา คนหัดภาวนาให้พุทโธไว้ๆ ลมหายใจก็ได้ กำหนดไว้ กำหนด อย่าทิ้ง

แล้วถ้ามันเกิดขึ้น เหมือนผู้ที่ฝึกหัดปฏิบัติกำหนดลมหายใจที่ปลายจมูกมันเบามันสบาย เวลาเสียงกระทบมามันเหมือนมีวงแหวนป้องกันเสียงไว้เลย...ไอ้นี่แค่ฝึกหัดใหม่ ยังเป็นพื้นฐานน่ะ

แล้วบอกว่าให้ทิ้งให้หมดเลย มันมีอยู่แล้ว แล้วมาอยู่ใต้ปีกเราด้วยนะ พออยู่ใต้ปีก โยมฝั่งนู้นก็ต้องเชื่อสิ นี่คนอยู่เก่า ลูกศิษย์หลวงพ่อ สอนไม่ต้องพุทโธ แล้วไปที่ศาลา หลวงพ่อก็พุทโธๆ ตลอด แล้วคนมาปฏิบัติมันจะเชื่อใครล่ะ

มันเชื่อฝั่งนู้น เพราะอะไร เพราะมันสุมหัวกัน แล้ววัดจะมีไว้ทำไมล่ะ เพราะอะไร เพราะมันหลงผิดทั้งนั้น

ไอ้เรื่องลาภสักการะ ไอ้เรื่องของ เราถือว่าเรื่องไร้สาระ เรื่องธรรมะ เรื่องการสอนที่มันถูกต้องชอบธรรม กับเรื่องที่ความกะล่อนปลิ้นปล้อน อยากเป็นแม่มดพ่อมด จะไปสอนเองก็สอนไม่ได้ ต้องมาอยู่ใต้ปีก แล้วยังมาย้อนศร หลวงพ่อโง่เง่าเต่าตุ่น สอนผิด ไอ้ที่ไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่เฉยๆ จะเป็นสมาธิเอง บรรลุธรรมแล้วบรรลุธรรมอีก เลื่อนลั่น...โอ้โฮเวรกรรม

ถึงได้บอกไง เอ็งไปจดทะเบียนเป็นมูลนิธิอย่างต่ำ กลุ่มของเอ็งมากมายมหาศาล ตั้งวัดเลย คนจริงนะ เขาไม่อ้างอิงหลวงพ่อๆ หรอก ถ้าจริง เขาสอนจริง เขารู้จริง ทำไมเขาต้องไปอ้างอิงคนอื่น

นี่ไง พวกเรา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงตาพระมหาบัวท่านพูดด้วยความเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เวลาท่านเทศน์ เทศน์จากสัจธรรมในใจของท่าน สัจธรรมในหัวใจของท่าน จากใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนึ่ง ไม่มีความโกหกมดเท็จ ไม่มีการโป้ปด

ไอ้นี่เข้ามาซุกใต้ปีกเลยนะ ไม่ต้องพุทโธ

แล้วหลวงพ่อก็บอกให้พุทโธๆ ห้ามทิ้งผู้รู้ ห้ามทิ้งพุทโธ

แต่มันบอกว่า ไม่ต้องพุทโธ หลวงพ่อน่ะโง่ อะไรก็พุทโธๆ เสียเวลา ใช้ปัญญาเลย บรรลุธรรมกันหมดเลย

ไล่ออกไปหมดแล้ว มันเป็นเรื่องไร้สาระ เรื่องลาภสักการะ เรื่องชื่อเสียงกิตติศัพท์กิตติคุณสำหรับเรานะ ขี้หมา ไร้สาระ แต่มึงจะมาหลอกลวงโป้ปดมดเท็จ สอนคนที่เขาใฝ่ใจ เขามีศรัทธาเพื่ออยากจะประพฤติปฏิบัติให้ลงนรกอเวจีไปกับความเป็นแม่มดพ่อมดของพวกมึงน่ะ อย่ามายุ่งที่นี่

นี่พูดถึงไง นี่พูดถึงว่าคนที่เขาจะมาประพฤติปฏิบัติ แล้วถ้าอยากจะประพฤติปฏิบัติตามความเป็นจริง ไอ้เรื่องที่ว่าที่วัดเป็นอย่างนี้เขาบอก โอ้โฮนี่ยอดสุขเลย ข้าวก็มีกิน น้ำก็มีใช้ เทียนก็มีให้จุด ทุกอย่างมีให้สมบูรณ์แบบ ไม่เรียกค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างไม่มีค่าใช้จ่าย ให้ด้วยความเป็นธรรมทั้งหมด มันโคตรสุขเลยนะ ถ้าผู้ที่ประพฤติปฏิบัติเพื่อความเป็นธรรม

แต่มาไม่ได้ ขาดแคลนไปทั้งนั้น แล้วหัวหน้ายังโง่เง่าเต่าตุ่น อะไรก็พุทโธๆ เสียเวลาเปล่า

ฉะนั้น เวลาจะมา ถ้ามาด้วยความเป็นธรรม เราก็เห็นใจมาก อย่างที่ว่าการประพฤติปฏิบัติ อยากให้ทุกคนฝึกหัดปฏิบัติ อย่างน้อยก็มีที่พึ่งที่อาศัย แต่ถ้าจะเอามรรคเอาผลนะ แสนไกล ยังอีกห่างไกล ห่างไกลมากๆ มันเป็นการปฏิบัติแบบเรื่องไร้สาระเลยล่ะ

ถ้าจะเอาสาระกัน มาคุยกัน ถ้าจะเอาสาระนะ ถ้าจะเอาสาระความเป็นอยู่ในวัดเรา โคตรสุขเลย อุดมสมบูรณ์มาก เกินเลยกว่าการปฏิบัติด้วยนะ การปฏิบัติ โคนไม้เขาอยู่นะ เขาทุกข์ยากกว่านี้ ในวัดนี้โคตรๆ สมบูรณ์เลย โคตรสมบูรณ์ของนักปฏิบัติเลย

แต่เราปฏิเสธเขาไป บอก ไปหาวัดที่สมควรแก่การประพฤติปฏิบัติเถิด เพราะเราไม่แน่ใจว่าเขามีศรัทธามั่นคงแค่ไหน พอมาแล้วขึ้นมา นู่นก็ขาดแคลน นี่ก็ขาดแคลน นี่หลวงพ่อหลอกนี่นา ไหนหลวงพ่อบอกว่าสมบูรณ์ไง พอหนูมาแล้วไม่มีอะไรได้ดั่งใจสักอย่างเลย หลวงพ่อโกหก

ฉะนั้นถึงบอกว่า ไปหาที่ที่เธอสะดวกเถอะ

แต่ที่วัดเรานะ ถ้าคนอยากจะประพฤติปฏิบัติ การแสวงหาธรรมะ ไอ้ความเป็นอยู่อย่างนี้โคตรสมบูรณ์แบบเลย ขาดแต่ความเพียรเป็นสัมมาทิฏฐิความถูกต้องชอบธรรมของตัวเราเองเท่านั้น

ถ้าประพฤติปฏิบัติโดยความมิจฉาทิฏฐิความเห็นผิด แล้วยังอวดด้วยนะ หลวงพ่อสอนผิด หลวงพ่ออะไรก็พุทโธๆ เสียเวลา

มันจะเอาหลวงพ่อไปเหยียบเลย มันเหยียบหัวหลวงพ่อขึ้นไป แล้วก็ยืนบนหัวหลวงพ่อ อยากจะเป็นเจ้าแม่ เป็นแม่มด เป็นปีศาจ เอวัง